loader image
BrandMadeFuture_Logo_Full
BrandMadeFuture-Logo-Icon-10

สรุป 10 แนวโน้มดีไซน์ในสายตานักออกแบบระดับโลก Design Trend 2025

แม้ว่า AI อาจเป็นเรื่องราวที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด แต่ก็ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเดียว ยังมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นในโลกการออกแบบ เราได้รวบรวม 10 เทรนด์การออกแบบที่ผู้นำด้านดีไซน์ในยุคนี้เห็นพ้องต้องกัน

  1. AI ในระดับมืออาชีพ
  2. คืนสู่ประสบการณ์ทางกายภาพ
  3. การกลับมาของงานฝีมือ
  4. ทดลองดีไซน์รูปแบบใหม่ๆ
  5. ดีไซน์โดยใช้คำสั่ง
  6. ผสานเสียงในงานดีไซน์
  7. ความยั่งยืนยังคงอยู่ในกระแสหลัก
  8. กราฟิกโอเว่อร์ไซส์ในแบบมินิมอล
  9. ดีไซน์เพื่อสายสุขภาพ
  10. ดีไซน์ที่ครอบคลุมทุกผู้คน


➊ AI ในระดับมืออาชีพ

AI กำลังปฏิวัติวงการออกแบบด้วยการเพิ่มความหลากหลายและความสมจริงให้งานสร้างสรรค์ พร้อมลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อน นักออกแบบจำเป็นต้องเข้าใจทั้งศักยภาพและข้อจำกัดของ AI เพื่อใช้เสริมจินตนาการอย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคตอันใกล้ AI จะเปลี่ยนจากเครื่องมือเฉพาะนักวิชาชีพมาเป็นแพลตฟอร์มที่ทุกคนเข้าถึงได้ ช่วยสร้างงานออกแบบคุณภาพสูงและเนื้อหาแบรนด์แบบเรียลไทม์ได้ด้วยตัวเอง โดยจะพัฒนาจากการเสนอแนวคิดไปจนถึงการผลิตผลงานระดับมืออาชีพอย่างครบวงจร

  • สร้างงานออกแบบที่ หลากหลาย-สมจริง มากขึ้น
  • ลดขั้นตอนยุ่งยาก ในกระบวนการออกแบบ
  • ช่วยต่อยอดจินตนาการได้มีประสิทธิภาพ (เมื่อเข้าใจจุดแข็ง/ข้อจำกัดของ AI)
  • พัฒนาทรัพยากรและเนื้อหาแบรนด์แบบเรียลไทม์
  • ความแม่นยำในการค้นหาผลลัพธ์เชิงสร้างสรรค์ มีคุณภาพสูงขึ้น
  • แพลตฟอร์มออกแบบ จะมีเครื่องมือ AI ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนการทำงาน
  • ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างราบรื่น (Human-AI Collaboration)
  • จากเดิมสร้างเพียง แนวคิด → พัฒนาสู่การสร้าง ผลงานสำเร็จรูป ที่พร้อมใช้
  • เปลี่ยนจากเครื่องมือเฉพาะนักออกแบบ → เป็นเครื่องมือที่ ใครๆ ก็ใช้ได้
AI art composite from Ogilvy Paris, Dentsu Creative Portugal, Wunderman Thompson, Omneky, Rethink, and TBWA/Melbourne
Stella Artois – The Artois Probability 2023 campaign by Gut Buenos Aires


➋ คืนสู่ประสบการณ์ทางกายภาพ

ในขณะที่ AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว วงการออกแบบกำลังเกิดเทรนด์ที่น่าสนใจนั่นคือ “การกลับมาของการออกแบบที่สร้างประสบการณ์ตอบโต้ทางกายภาพ” ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ เช่นมือถือ จอทัชสกรีน หรือแว่นตา VR ซึ่งมันจะถูกนำไปใช้ในธุรกิจค้าปลีกที่กำลังหาจุดสมดุลระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกจริง

สาเหตุสำคัญของเทรนด์นี้

  • ความเหนื่อยล้าจากโลกดิจิทัล (Digital Fatigue) ทำให้ผู้บริโภคโหยหาประสบการณ์ที่จับต้องได้
  • แบรนด์ต่างๆ เริ่มผสมผสาน IRL (In Real Life) Experience เข้ากับอีคอมเมิร์ซ
  • การออกแบบที่มนุษย์สร้างขึ้น (Human-Crafted Design) กำลังเป็นจุดขายใหม่

ตัวอย่างการนำไปใช้

  • ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่เพิ่มพื้นที่แสดงสินค้าทางกายภาพควบคู่กับช็อปปิ้งออนไลน์
  • งานออกแบบแพ็กเกจจิ้งแบบทำมือที่เน้นความพิถีพิถัน
  • การจัดอีเวนต์แบบออฟไลน์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม

อนาคตที่คาดการณ์

  • ความต้องการปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวจะเพิ่มขึ้น
  • การออกแบบจะเน้น “ความไม่สมบูรณ์แบบ” ที่สื่อถึงความเป็นมนุษย์
  • เทคโนโลยีจะถูกใช้เสริมประสบการณ์จริง แทนที่จะแทนที่


” ยิ่งโลกดิจิทัลพัฒนาเร็วเท่าไหร่ มนุษย์ยิ่งโหยหาความเป็นจริงมากเท่านั้น “

Nike by Melrose’s app to store phygital retail experience.


➌ การกลับมาของงานฝีมือ

กระแสการกลับมาของงานฝีมือในยุค AI เมื่อผู้บริโภคโหยหาความเป็นมนุษย์และความยั่งยืน ในยุคที่ AI และการผลิตจำนวนมากครอบงำตลาด กลับเกิดกระแสต้านทานที่ผู้บริโภคเริ่มให้คุณค่ากับงานฝีมือและมรดกการออกแบบแบบดั้งเดิมมากขึ้น Luigi Carnovale นักออกแบบชั้นแนวหน้าของโลกจาก Design LSC ชี้ 3 ปัจจัยหลักของเทรนด์นี้

ความปรารถนาในเอกลักษณ์เฉพาะตัว

  • ผู้บริโภคเบื่อสินค้าแบบ mass production ที่เหมือนกันหมด
  • หันไปสนใจสินค้าแฮนด์เมดที่มีเรื่องราวและความหมายเฉพาะบุคคล

ความยั่งยืนที่จับต้องได้

  • การผลิตงานฝีมือมักเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าการผลิตอุตสาหกรรม
  • สอดคล้องกับแนวคิด Slow Design ที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและงานมือ

  • นวัตกรรมใหม่ๆ ถูกนำมาเสริมงานฝีมือแบบดั้งเดิม
  • สร้างสรรค์ผลงานที่ทันสมัยแต่ยังคงความรู้สึกที่เป็นมนุษย์

เทรนด์นี้สะท้อนความต้องการสมดุลใหม่ระหว่างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีกับความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าวงการออกแบบ ผู้บริโภคจึงโหยหาความ authentic และ sustainable ที่งานฝีมือมอบให้มากกว่าเดิม

Natdzho – Cryptic. Mixed Media Collage
Oliver Furth’s LA home featured in Architectural Digest


➍ ทดลองดีไซน์รูปแบบใหม่ๆ

การเกิดขึ้นของแพลตฟอร์มออกแบบราคาประหยัดเช่น Canva ทำให้ทุกคนสามารถสร้างงานออกแบบได้ด้วยตัวเอง แต่ก็นำไปสู่ปัญหาการผลิตเนื้อหาแบบเหมารวม เนื่องจากระบบพึ่งพาเทมเพลตสำเร็จรูปเป็นหลัก ส่งผลให้

  • งานออกแบบมีลักษณะคล้ายกันจนขาดเอกลักษณ์
  • การค้นหาแนวคิดและสไตล์ใหม่ๆ ทำได้ยากขึ้น
  • AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลเหล่านี้ยิ่งผลิตผลงานที่ซ้ำๆ

อย่างไรก็ดี วิกฤตินี้ก็สร้างโอกาสสำหรับนักออกแบบมืออาชีพด้วยเช่นกัน

  • เปิดพื้นที่สำหรับนักออกแบบมืออาชีพ : ที่ต้องการสร้างความแตกต่าง
  • กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ : ผ่านการทดลองเทคนิคใหม่ๆ
  • เน้นคุณค่าของการออกแบบเฉพาะตัว : เพื่อก้าวพ้นจากกรอบเทมเพลต

แม้งานออกแบบโดยรวมอาจถดถอยในแง่คุณภาพ แต่แนวโน้มนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้วงการต้องปรับตัว โดยนักออกแบบอาชีพจะหันมาเน้นการสร้าง “คุณค่าที่แท้จริง” แทนการผลิตงานแบบคนส่วนใหญ่

” เมื่อทุกคนเป็นนักออกแบบได้ ความเป็นมืออาชีพจะวัดที่ ‘ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร’ แทนแค่ทักษะการใช้เครื่องมือ “

นิตยสารร่วมมือที่ผลิตโดย Franklyn และ Michael Freimuth นำเสนอผลงานของศิลปิน AI ในหลากหลายธีมและการสำรวจภาพ
A collaborative zine produced by Franklyn and Michael Freimuth highlighting ai artists across an array of themes and visual exploration
Looks-from-KWK-by-Kay-Kwoks-Spring-2024-Show


➎ สร้างดีไซน์โดยใช้คำสั่ง

เมื่อการเขียนคำสั่งคือทักษะใหม่ในการออกแบบ ในปี 2025 การออกแบบจะถูกเปลี่ยนโฉมด้วย AI ที่สามารถแปลง “ข้อความ” เป็นรูปภาพ วิดีโอ และผลงานสมจริงได้ทันที

  • ทักษะการเขียนคำอธิบาย : จะสำคัญไม่แพ้ทักษะออกแบบแบบดั้งเดิม
  • กระบวนการทำงาน : จะเปลี่ยนจาก “ร่างภาพก่อน” เป็น “เขียนคำสั่งก่อน”
  • อุตสาหกรรมครีเอทีฟ : เริ่มใช้ AI สร้างคอนเทนต์จากคำพูดแล้ววันนี้

วิธีเตรียมตัวสำหรับเทรนด์นี้

  • ฝึกอธิบายแนวคิดอย่างละเอียดเป็นข้อความ
  • เปลี่ยน mindset จาก “ทำเองทุกขั้นตอน” เป็น “ออกแบบด้วยคำสั่ง”
  • เรียนรู้การใช้ Prompt Engineering เพื่อควบคุมผลลัพธ์

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้

  • นักการตลาดสร้างโฆษณาจากคำอธิบายผลิตภัณฑ์
  • สตาร์ทอัพพัฒนา MVP ด้วย AI โดยไม่ต้องมีทีมออกแบบใหญ่
  • บล็อกเกอร์ผลิตอินโฟกราฟิกจากบทความทันที

ประโยชน์ที่ตามมา

  • ลดค่าใช้จ่ายการผลิต
  • เพิ่มความเร็วในการทำงาน
  • เปิดพื้นที่สำหรับความคิดสร้างสรรค์แบบไร้ขีดจำกัด

อนาคตที่ใกล้เข้ามา AI จะไม่ใช่แค่เครื่องมือช่วยออกแบบ แต่จะเป็น “เพื่อนร่วมงาน” ที่เปลี่ยนไอเดียเป็นผลงานแบบเรียลไทม์!

A Lovely Atmosphere ถูกสร้างขึ้นสำหรับกล่องส่งเสริมการขายของ GBGT Box กล่องสี่เหลี่ยมแสดงถึงชั้นบรรยากาศทั้ง 5 ชั้น ผลงานของ Bedow
A Lovely Atmosphere กล่องส่งเสริมการขายของ GBGT Box แสดงถึงชั้นบรรยากาศทั้ง 5 ชั้น ผลงานของ Bedow
เครื่องดื่มโปรไบโอติกของ Swee Kombucha เป็นธรรมชาติ 100% โดยออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยใช้เซลล์ 100 เซลล์ โดยแต่ละเซลล์จะบรรจุสีที่แสดงถึงเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมแต่ละชนิด ผลงานของ Bedow
เครื่องดื่มโปรไบโอติกของ Swee Kombucha เป็นธรรมชาติ 100% โดยออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยใช้เซลล์ 100 เซลล์ โดยแต่ละเซลล์จะบรรจุสีที่แสดงถึงเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสมแต่ละชนิด ผลงานของ Bedow


➏ ผสานเสียงในงานดีไซน์

ในปี 2025 เสียงจะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของการออกแบบดิจิทัลมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีเสียงพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและเข้าถึงได้ง่ายผ่านเครื่องมือออนไลน์ แนวโน้มนี้จะส่งผลให้มีการนำเสียงมาใช้ในงานออกแบบหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะบนเว็บไซต์ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในรูปแบบ:

  • ซาวด์แทร็กและเสียงพื้นหลัง เพื่อสร้างอารมณ์และบรรยากาศ
  • เสียง UI (User Interface) : เช่น เอฟเฟกต์การคลิกหรือการแจ้งเตือน เพื่อเพิ่มการโต้ตอบกับผู้ใช้
  • ประสบการณ์แบบปรับแต่งได้ โดยให้ผู้ใช้เลือกเปิดหรือปิดเสียงอัตโนมัติตามการตั้งค่าส่วนตัว

ในอดีต การเล่นเสียงอัตโนมัติบนเว็บไซต์มักถูกมองว่าเป็นสิ่งน่ารำคาญ แต่ในอนาคต เว็บไซต์จะออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยคำนึงถึงความชอบของผู้ใช้แต่ละคนเป็นหลัก เทรนด์นี้ไม่เพียงช่วยสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่สมบูรณ์ขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้แบรนด์สื่อสารอารมณ์และเรื่องราวผ่านเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

Stockholm, Sweden – Epidemic Sound


➐ ความยั่งยืนยังคงอยู่ในกระแสหลัก

ความยั่งยืนยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการออกแบบยุคใหม่ โดยแบรนด์ต่างๆ กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อสื่อสารความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง แทนการทำแค่ผิวเผินแบบ Green Washing เทรนด์นี้ส่งผลชัดเจนใน 3 มิติหลัก:

1. ภาษาการออกแบบที่สื่อความยั่งยืน

  • ใช้สีเอิร์ธโทนและพื้นผิวธรรมชาติเป็นเอกลักษณ์
  • ดีไซน์เรียบง่ายแต่มีชั้นเชิง เน้นความรู้สึกสงบเหมือน “ให้โลกได้หายใจ”
  • บรรจุภัณฑ์ลดมลพิษสุดขีด ตั้งแต่วัสดุย่อยสลายได้จนถึงกระบวนการผลิตสะอาด

2. การยกระดับความโปร่งใส

  • แบรนด์ต้องพิสูจน์ได้ว่ามีการดำเนินงานเชิงนิเวศจริง
  • สื่อสารข้อมูลสิ่งแวดล้อมแบบตรวจสอบได้ (เช่น Carbon Footprint)

3. การออกแบบที่เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่

  • ดีไซน์ต้องสร้าง Emotional Connection ผ่านเรื่องราวความยั่งยืน
  • ผสมผสานความหรูหรากับจริยธรรม เช่น การใช้เส้นสายจากธรรมชาติในโลโก้พรีเมียม

ตัวอย่างการนำไปใช้

  • บรรจุภัณฑ์อาหารจากวัสดุหมุนเวียน 100%
  • โลโก้แบรนด์แฟชั่นที่ใช้ฟอนต์จากเส้นใยพืช

” ปี 2025 การออกแบบที่ยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือความคาดหวังพื้นฐานของผู้บริโภค “

Photo courtesy of Jan N June and the Nobag
Dahwe Park, Mina Kim, and Hyunbin Shin of DA Design Team of Samsung Electronics Co., Ltd.

➑ กราฟิกโอเว่อร์ไซส์​ในแบบมินิมอล

ในปี 2025 วงการออกแบบจะเห็นการผสานสองสไตล์ที่ดูเหมือนขัดแย้งกันอย่าง “Minimalist Maximalism” โดยยังคงใช้หลักการพื้นฐานของ Minimalism ที่เน้นความสะอาดตา เล่นกับช่องว่างบนพื้นหลัง และเส้นสายเรียบง่าย แต่เพิ่มลูกเล่นจาก Maximalism ผ่านองค์ประกอบสะดุดตาที่คาดไม่ถึง เช่น การใช้สีสันจัดจ้าน ตัวอักษรขนาดใหญ่ หรือรูปทรงเกินจริง ซึ่งสร้างความน่าตื่นเต้นโดยไม่เสียความโปร่งสบายตา

  • ความเรียบง่ายที่เล่าเรื่องได้ :ใช้พื้นที่ว่างอย่างชาญฉลาดเพื่อดึงความสนใจไปที่จุดโฟกัส
  • ความเกินขนาดอย่างมีสไตล์ : เน้นองค์ประกอบเด่นเพียง 1-2 จุด เช่น ปุ่มสีสดขนาดใหญ่บนพื้นหลังเรียบ
  • การเล่นกับคอนทราสต์ : ผสมผสานฟอนต์เรียบๆ กับกราฟิกลายเส้นหนา
  • ความลงตัวที่ไม่น่าเบื่อ : แม้จะเพิ่มลูกเล่นมากแต่ยังคงความรู้สึกเป็นระเบียบ

เทรนด์นี้ตอบโจทย์ยุคที่ผู้บริโภคต้องการทั้งความสงบจากความเรียบง่าย แต่ก็แสวงหาความตื่นเต้นผ่านการออกแบบที่ท้าทาย convention เดิมๆ

Wild Thingz โดย How&How
Wild Thingz โดย How&How
Blum โดย How&How (นักออกแบบ: Lina Aragon และ María Alejandra Maya-Fresa)
Blum โดย How&How (นักออกแบบ: Lina Aragon และ María Alejandra Maya-Fresa)


➒ ดีไซน์เพื่อสายสุขภาพ

ในปัจจุบันการดูแลสุขภาพกำลังเผชิญกับนวัตกรรมและการลงทุนพัฒนาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการออกแบบโดยตรง เนื่องจากสุขภาพกำลังเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับอุปกรณ์สวมใส่และเทคโนโลยี การสร้างภาพแสดงข้อมูลด้านสุขภาพกำลังกลายเป็น กระแสรูปแบบใหม่ที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพด้วยนวัตกรรมและข้อมูล โดยมี 3 แนวทางหลัก

1. การบูรณาการอุปกรณ์สวมใส่

  • อุปกรณ์เช่น Apple Watch กลายเป็นเครื่องมือติดตามสุขภาพที่แม่นยำ
  • ข้อมูลสุขภาพถูกเก็บรวบรวมแบบเรียลไทม์ แต่ต้องมีการตีความให้เข้าใจง่าย

2. การแสดงผลข้อมูลสุขภาพแบบ Visual

  • เทรนด์ Data Visualization ช่วยแปลงข้อมูลซับซ้อนให้เห็นภาพชัดเจน
  • ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันที่แสดงแนวโน้มสุขภาพผ่านกราฟิกเข้าใจง่าย

3. บริการสุขภาพพรีเมียมแบบ Data-Driven

  • บริษัทใหญ่ๆ ตั้งแต่ Apple ถึง Equinox ต่างลงทุนสร้างแพลตฟอร์มสุขภาพไฮเอนด์
  • เน้นการพยากรณ์สุขภาพล่วงหน้าและป้องกันโรค

ความท้าทายสำคัญ

  • การแปลงข้อมูลดิบให้เป็น “ความหมาย” ที่นำไปใช้ได้จริง
  • การออกแบบอินเทอร์เฟซที่ทำให้ข้อมูลสุขภาพซับซ้อนเข้าใจได้ง่าย

“สุขภาพจะไม่ใช่แค่การรักษา แต่คือการดูแลตนเองผ่านข้อมูลเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น”

Choice Organics ผลงานของ Beardwood&Co
Choice Organics ผลงานของ Beardwood&Co


➓ ดีไซน์ที่ครอบคลุมทุกผู้คน

ยุคนี้จะเห็นการออกแบบที่ตอบโจทย์ความหลากหลายทั้งวัย สภาพร่างกาย วัฒนธรรม และวิถีชีวิต สะท้อนความเท่าเทียมผ่านงานสร้างสรรค์ โดยมีประเด็นสำคัญคือ:

  • กลุ่ม 50+ ถือเป็นขุมทอง : ที่ถูกมองข้ามมานาน แม้จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงสุด (ครอบครอง 80% ของความมั่งคั่งในสหราชอาณาจักร)
  • ความเหลื่อมล้ำในการโฟกัส : ตลาดยังเน้น Gen Z อย่างหนัก ทั้งที่กลุ่ม 50+ มีสัดส่วนประชากรถึง 40%
  • การออกแบบต้องปรับแนวคิด : จากเดิมที่สะท้อนรสนิยมนักการตลาด สู่การเข้าใจผู้บริโภคกลุ่มสูงวัยจริงๆ

ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลง

  • แพ็คเกจจิ้งแบบอ่านง่าย ฟอนต์ขนาดใหญ่
  • โฆษณาที่แสดงความหลากหลายของวัยอย่างแท้จริง
  • ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน

Inclusive Design
จะไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็น “ความจำเป็น” ของทุกแบรนด์ ที่ต้องออกแบบโดยคำนึงถึงทุกช่วงวัยรวมถึงทุกสภาพร่างกายอย่างเท่าเทียม

A Guide to Interface Design for Older Adults | Toptal®
“Increasing our Focus on Inclusive Technology” by Microsoft

พร้อมก้าวสู่ปี 2025 ด้วยเทรนด์การออกแบบที่แบรนด์ของคุณต้องรู้! ที่ BrandMadeFuture เราช่วยให้คุณเข้าใจและนำเทรนด์ล่าสุดมาปรับใช้กับแบรนด์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่ผสานความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์ หรือการสร้างแบรนด์ที่ขับเคลื่อนเป้าหมายทางธุกิจ เราพร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่ช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่นนำหน้าคู่แข่งในทุกสภาวะตลา

อย่าปล่อยให้แบรนด์ของคุณตกเทรนด์! ติดต่อเราวันนี้เพื่อปรึกษาฟรีและค้นหาว่าเราจะช่วยให้แบรนด์ของคุณก้าวนำในปี 2025 ได้อย่างไร

📩 : hi@brandmadefuture.com
🌐 : ติดต่อรับคำปรึกษา

ความสำเร็จของแบรนด์คุณเริ่มต้นที่นี่ มาร่วมเดินทางสู่เป้าหมายไปด้วยกัน! 🚀✨

sources
  • cover image: https://www.instagram.com/michaelfreimuth_
  • https://www.creativeboom.com/insight/what-emerging-trends-will-be-big-in-2025-we-asked-creative-leaders-for-their-predictions
  • https://futurestores.wbresearch.com/blog/nike-new-flagship-powerhouse-experience-driven-retail
  • https://healthtechmagazine.net/article/2024/03/trends-wearable-technology-for-healthcare-perfcon
  • https://kontra.agency/ai-in-graphic-gesign-the-impact-on-visual-communication/

Share
Tags
Narathip  Wungdeelert  (P)
ผู้ก่อตั้ง BrandMadeFuture ที่ปรึกษาด้านแบรนด์เชิงกลยุทธ์ เชี่ยวชาญการสร้างและบริหารแบรนด์ รวมถึงเป็นวิทยากรและอาจารย์พิเศษที่ให้ความรู้กับผู้ประกอบการและธุรกิจต่างๆ
Don't miss key brand insights!📍
สมัครรับอัพเดทข่าวสาร เทรนด์และบทวิเคราะห์เกี่ยวกับแบรนด์จากเราตอนนี้
92% of consumers say a positive experience makes them more likely to buy again.
(Salesforce, 2023)
91% of consumers would buy from an authentic brand.
(Adweek, 2015)
86% of consumers are willing to pay more for a great customer experience.
(PwC, 2024)
77% of consumers buy from brands that share their values. 
(Havas Group, 2023)
77% of consumers buy from brands that share their values. 
(Fox+Hare, 2024)
23% average revenues increase through consistent brand presentation across all platforms.
(Forbes, 2021)